PERSUASIVE AND POWERFUL STORY TELLING FOR LEADERS

PERSUASIVE AND POWERFUL STORY TELLING FOR LEADERS

ทำไมผู้นำต้องเล่าเรื่องเป็น

บางครั้ง เพียงแค่เราดูหนังบางเรื่อง ละครบางฉาก เรามักจะได้ข้อคิดที่ทำให้เราอยากเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การฟังคุณพ่อคุณแม่เล่านิทานสมัยเรายังเด็ก ทำให้เรามีความฝันและแรงบันดาลใจที่อยากจะเป็นหรือไม่อยากจะเป็นเช่นตัวละครในนิทานเรื่องนั้น ที่สำคัญมันทำให้เราได้เตือนสติตัวเองอยู่เสมอทั้งๆที่เวลาได้ผ่านมานานแล้ว แต่ที่เรายังจำได้เพราะเรามักจะเลือกจำเรื่องราวที่มีอารมณ์หรือความรู้สึกอยู่ในนั้น

วิสัยทัศน์ขององค์กร หรือเป้าหมายของทีม อาจเป็นเพียงข้อความที่เขียนไว้หรือภาพในฝัน ความมุ่งมั่นในการไปสู่วิสัยทัศน์หรือเป้าหมายนั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้หากผู้นำไม่มีความสามารถในการโน้มน้าวใจทีมงานเพื่อให้ลงเรือลำเดียวกัน การสื่อสารด้วยวิธีการเดิมๆ เช่นการพูดหรือการอธิบายแห้งๆ เป็นการพูดที่น่าเบื่อและไม่อาจทำให้ทีมงานมองเห็นภาพเดียวกันหรือสร้างภาพจำด้วยอารมณ์และความรู้สึก

ผู้นำสมัยใหม่จึงต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสื่อสารเพื่อโน้มน้าว เข้าถึงใจผู้ฟัง สร้างแรงบันดาลใจให้ทีมลงมือทำและเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเล่าเรื่อง (Story Telling) เป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าไปถึงทัศนคติและความเชื่อของผู้ฟัง และนั่นคือเคล็ดลับในการสร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของทีมงาน ที่จะนำไปสู่เป้าหมายหรือวิสัยทัศน์เดียวกันอย่างมีพลัง ผู้นำจึงต้อง ”เล่าเรื่องเป็น”

หลักสูตรนี้จะทำให้ผู้เข้ารับการอบรม

  • เรียนรู้ศาสตร์ของการเล่าเรื่องและเบื้องหลังการทำงานของสมอง กับการเล่าเรื่อง
  • มีไอเดียที่หลากหลายในการเลือกเรื่องที่จะมาเล่า
  • สร้างโครงเรื่องหลัก พล็อตเรื่อง และองค์ประกอบสำคัญต่างๆในเรื่องเล่า ได้อย่างครบถ้วน
  • เล่าเรื่องได้อย่างทรงพลังเพื่อนำสู่การสร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ฟัง
  • โยงเรื่องที่จะเล่าเข้าสู่โหมดทางธุรกิจขององค์กรได้อย่างเห็นผล

หัวข้อในการเรียนรู้

  • ผู้นำกับความสำคัญของการเล่าเรื่อง
  • องค์ประกอบของการเล่าเรื่อง
  • ประเภทของเรื่องที่เล่า
  • การสร้าง Key Message หลักของเรื่องที่จะเล่า
  • พล็อตเรื่องที่ใช้ได้ผล
  • เทคนิคในการหาไอเดียและเลือกเรื่องที่จะเล่า
  • หลักการคิดจุดพีคหรือไฮไลต์ของเรื่อง
  • วิธีการเล่าเรื่องเพื่อดึงดูดใจ
  • การขยี้เรื่องให้ทรงพลัง
  • การเล่าเรื่องที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
  • การโยงเรื่องเล่าเข้าสู่ธุรกิจ

หลักการและรูปแบบของการฝึกอบรม

การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ที่ผู้เรียนเห็นความสำคัญของสิ่งที่ได้เรียนรู้และสามารถนำไปใช้ได้จริง จะต้องเกิดจากความสมดุลย์ระหว่าง ทักษะ (Skillset) และ ทัศนคติ (Mindset) ซึ่งหลักสูตรนี้ได้ถูกออกแบบมาให้มีความกลมกลืนของสองปัจจัยดังกล่าว ดังนี้

ทักษะ (Skillset)

ผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับการใช้เทคนิคที่ได้เรียนรู้ในคลาส ซึ่งเป็นการฝึกทักษะในหลายรูปแบบ ได้แก่
  • การฝึกเป็นกลุ่มเล็กแบบสามมิติ (Triad) คือ ผู้ฝึกปฏิบัติหรือ ผู้เล่าเรื่อง ผู้ฟัง และผู้สังเกตการณ์ สลับบทบาทกันไปจนครบ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนได้มีมุมมองที่หลากหลายเพื่อสร้างความตระหนักรู้
  • การฝึกการเล่าเรื่องเสมือนจริง คือฝึกการเล่าเรื่องหน้าคลาสกับผู้ฟังกลุ่มใหญ่
  • มีการให้ Feedback รายบุคคลจากผู้สอน เพื่อการพัฒนาการเล่าเรื่องในครั้งต่อไป
  • ใช้การ Coaching ซึ่งเป็นการประเมินผลตนเองเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ทัศนคติ (Mindset)

ผู้สอนออกแบบการสอนให้ผู้เรียนได้ปรับทัศนคติเพื่อให้ยอมรับและเห็นความสำคัญของสิ่งที่กำลังเรียนรู้ มีความคิดเชิงบวกและสร้างสรรค์เกี่ยวกับการเล่าเรื่องมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเล่าเรื่องด้วยกิจกรรมและเทคนิคที่หลากหลาย เช่น

  • กิจกรรมละลายพฤติกรรม (Ice Breaking) เพื่อให้ลดกำแพงและเปิดใจให้กับการเรียนรู้ และเพิ่มความมั่นใจในการร่วมแสดงความคิดเห็นมากขึ้น
  • กิจกรรม Intention Setting เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้เรียนละความเป็นตัวตนหรือลดอีโก้ที่มีในตนเอง ฝึกการออกจาก Comfort Zone กล้าและยินดีที่จะร่วมกิจกรรมแม้จะไม่คุ้นเคย
  • การใช้เทคนิควิธีการในการฝึกอบรมต่างๆ เช่น เรื่องเล่า คลิปวีดีโอ เสียงเพลง เกมกิจกรรมกลุ่ม ซึ่งจะกระตุ้นและจรรโลงใจให้ผู้เรียนมีอารมณ์และความรู้สึกร่วม
  • บรรยากาศของการเรียนรู้ที่สนุกสนานและเป็นกันเอง ชวนติดตาม มีการชื่นชม และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นแบบอย่างในการนำไปต่อยอดสู่การนำไปใช้จริง
ผู้ที่เหมาะกับหลักสูตรนี้ : ผู้นำในทุกระดับ
ระยะเวลาในการฝึกอบรม : 2 วัน 12 ชั่วโมง
(09.00 น. – 16.00 น. ของแต่ละวัน)
จำนวนผู้เข้าอบรม ไม่เกิน 12 ท่าน/รุ่น

ภาพบรรยากาศฝึกอบรม

ติดต่อสอบถาม

บริษัท แอตต้า9 เทรนนิ่ง จำกัด

311/65 หมู่ 11 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลีจ.สมุทรปราการ 10540

line